top of page
Studio Commuan
Writer's pictureTheppituk Mos

ACADEMUAN | ตอนที่ 1 STORY และ PLOT ต่างกันอย่างไร ??



เราทุกคนเขียน เพราะมีเรื่องราวที่อยากจะเล่า แต่หลายคนก็ยังสับสนว่าเราจะเริ่มจากตรงไหนดี บางทีขีดๆเขียนๆ อะไรไปตั้งเยอะก็ไม่แน่ใจว่าที่เขียนไปแล้ว มันใช่เรื่องที่น่าสนใจไหม เกิดความลังเล ไม่มั่นคง พาลจะทำให้ไม่ได้เขียนเอาสักที วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเริ่มต้นของการเขยีนงาน โดยเริ่มจากการทำความรู้จัก Story และ Plot




Story คืออะไร ??
ความหมายสากล "Story" คือ
ชุดของเหตุการณ์ ที่มี ต้น - กลาง - จบ และในตอนจบมีบางสิ่งบางอย่างในเรื่องราวนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลง



ตัวอย่าง "บรูซ เวยน์" เด็กหนุ่มลูกมหาเศรษฐีแห่งเมืองก็อธแธม ที่สูญเสียพ่อแม่จากอาชญากร เมื่อเขาได้พบว่ากระบวนการยุติธรรมปกติไม่สามารถที่จะจัดการเหล่าอาชญากรในเมืองนี้ได้ เขาจึงฝึกฝนวิชาต่อสู้และลุกขึ้นมาปราบอาชญากรเมืองก็อธแธมในนาม แบทแมน



Plot คืออะไร ??




คือ "กลวิธีที่เราใช้ในการเล่าเรื่อง" •เพื่อสร้างความสนุก •จัดการเหตุการณ์ในเรื่องให้น่าติดตาม •ควบคุมความสนใจของคนดู

ตัวอย่าง BATMAN Trilogy ของ Nolan


Batman Begin = จุดกำเนิดของ BATMAN เมื่อบรูซ เวย์น สูญเสียพ่อแม่ และหมดศรัทธากับระบบความยุติธรรมแบบเดิม เขาได้ฝึกฝนฝีมือการต่อสู้จนเก่งกาจ และเมื่อกลับมาก็อธแธมเขาก็พบว่าราซอัลกูลได้ปฏิบัติการปล่อยสารเคมี หวังล้างบางประชากรก็อธแธม บรูซจึงต้องทำทุกทางเพื่อหยุดยั้งแผนร้ายและช่วยเหลือก็อธแธมเอาไว้ในนามของ แบทแมน


Batman The Dark knight = เมื่อตัวร้ายสั่นคลอนศีลธรรมของเมือง Gotham หลังจากที่แบทแมนตั้งตนเป็นศาลเตี้ย และอัยการเดนท์โผล่มาปราบผู้ร้ายแบบสีขาว อาชญากรระดับล่างก็ค่อย ๆ หายไป แต่นั่นก่อให้กำเนิดอาชญากรคนใหม่ที่ร้ายกาจกว่าเดิม นามกว่าโจ๊กเกอร์ ที่โผล่มาทดสอบศีลธรรมของแบทแมน เดนท์ และรวมถึงชาวก็อธแธม



Batman Dark Knight Rise = จุดจบของ BATMAN หลังจากที่ล้มล้างแผนการราซอัลกูลในภาคแรกได้ แบทแมนก็ต้องเผชิญหน้ากับความแค้นจากผู้สืบทอดเจนตนารมณ์ของราซอัลกูลที่มีนามว่า เบน วายร้ายคนใหม่ที่กลับมาล้างบางก็อธแธมด้วยระเบิดนิวเคลียร์ และนี่อาจเป็นจุดจบของแบทแมนตลอดกาล



เรื่องราวของแบทแมน เมื่อใส่พล็อตเข้าไป ก็กลายเป็นหนังได้ถึง 3 ภาค โครงสร้างเรื่องและ Genre จะถูกสร้างขึ้นจากการที่เราสร้าง Plot ขึ้นมา ลองยกกรณีศึกษาลองคิด Story ขึ้นมาแล้วหา Plot มาห่อหุ้มมันดู


ตัวอย่าง : Spider Man

Story : เด็กหนุ่มถูกแมงมุมกัดและทำให้มีพลังวิเศษ


หา Plot มาขับเคลื่อนมันจะเห็นได้ว่ามันจะนำเราไปสู่การเลือก "Genre และสร้างโครงเรื่อง"
  • ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ โดนแมงมุมกัดแล้วใยพ่นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้จนแฟนจะขอเลิกเพราะคิดว่าทำเรื่องบัดสีตลอดเวลา คือ Genre แบบ Comedy


  • ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ โดนแมงมุมกัดแล้วตาย มี FBI เข้ามาสืบสวนว่าใครปล่อยแมงมุมนี้ออกมา คือ Genre แบบ Crime Suspense


  • ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ โดนแมงมุมกัดแล้วพิการ พ่อแม่ต้องออกจากงานเพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียง เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากความน่าอดสูอันนี้ คือ Genre แบบ Drama



Plot จาก Story ต่างกันอย่างไร ?


เราสามารถแยกแยะ 2 สิ่งนี้ออกจากกันได้ ในมุมมอง "Narration Element"



องค์ประกอบของ "Narration Element"

"Plot" คือ...


Story คือ...



ความสัมพันธ์ของ

Plot

และ

Story



จะมีหนังบางประเภทที่ว่าด้วยกลุ่มคนที่ออกมากระทำบางอย่างเพื่อบรรลุความต้องการของตัวเองหรือกลุ่มไปจนจบ เช่นพวกหนัง Action หนัก ๆ มันคือหนักไปทาง Plot






หนังที่เล่าเรื่องของตัวละครไปเรื่อย ๆ ไม่ค่อยเห็นการกระทำใดหนักหน่วงหรือนำคนดูไปสู่ปมขัดแย้งที่ใหญ่โต คือหนังที่ Story นำและส่วนใหญ่ก็เป็นหนัง ART





แต่ไม่ใช่ว่าหนังที่เอาอย่างใดอย่างหนึ่งนำจะกลายเป็นหนังที่ไม่ดี เพราะถ้า Execution ของมันฉลาดและดี นำพาอารมณ์ของคนดูไปจนจบได้ ก็ถือว่าเป็นการหนัง Plot นำหรือหนังตลาดที่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับการเล่าเรื่องผ่านนักแสดงที่มีเสน่ห์นำพาเรื่องราวง่ายๆไปจนจบเรื่องอย่างประทับใจได้ ก็อาจจะเป็นหนังที่ดีได้เช่นกัน


ยุคนี้เราจึงเห็นหนังมากมายที่ Balance สิ่งเหล่านี้ไว้ได้จนทำให้หนังได้ทั้งเงินและคำวิจารณ์ที่ดี



ตัวอย่างหนังที่ Balance ระหว่าง Plot และ Story ได้ดี

Spider-Man Into the Spider-Verse (2018)
  • ทำรายได้มากถึง 375 ล้านเหรียญ ทั่วโลก ตัวหนังว่าด้วยเรื่อง ไมล์ โมราเลส เด็กหนุ่มมัธยมปลายผิวดำที่พึ่งจะย้ายโรงเรียน ต้องพยายามปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ขณะที่ยังปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ไม่ได้ อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อทั้งเมืองไฟดับลง และประตูมิติถูกเปิดออก เขาก็ถูกแมงมุมอาบรังสีกัดที่หลุดมาจากประตูมิติกัดจนได้รับพลังสไปเดอร์แมนมา เขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับพลังที่ได้รับ จึงไปถามปีเตอร์ พาร์คเกอร์ในจักรวาลของเขาที่ตายไปแล้วที่หลุมศพ แต่กลับได้พบปีเตอร์จากอีกจักรวาล ทำให้รู้ว่าตอนนี้จักรวาลของเขามีสไปเดอร์แมนอีกมากมาย และเรื่องเขาต้องจัดการหาคำตอบพร้อมกับส่งทุกคนกลับไปยังบ้านของตัวเอง


  • หนังมีพล็อตที่น่าสนใจกับเหตุการณ์ระดับพหุจักรววาล แต่ก็ไม่ลืมที่จะเก็บรายละเอียด ความต้องการ ความรู้สึก เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว ทำให้เราเข้าใจเหตุและผลการตัดสินใจตัวละครหลักได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งนี้หนังเรื่องนี้ถูกจัดเป็นอยู่ใน WGA’s 101 Greatest screenplays of the 21st


Parasite (2019)

  • ทำรายได้ 259 ล้านเหรียญ ทั่วโลก ตัวหนังว่าด้วยเรื่องของครอบครัวคนจนครอบครัวหนึ่ง ที่ลูกชายได้เข้าไปทำงานให้กับคนรวยด้วยวิธีต้มตุ๋น และก็กัดกินใช้ประโยชน์นำพาทั้งครอบครัวมาทำงานที่นี่ วันหนึ่งที่เจ้าของบ้านไม่อยู่เพราะไปเที่ยวต่างจังหวัด ครอบครัวนี้ก็มากินอยู่ที่บ้านหลังนี้แต่แล้วพวกเขาก็ได้พบกับห้องลับ ที่นำพามาซึ่งเรื่องไม่คาดฝันและโศกนาฎกรรม


  • หนังว่าด้วยเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่หวือหวา แต่เมื่อเล่าไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมีพล็อตที่ทำให้ผู้ชมต้องอึ้ง แต่ก็ยังไม่ทิ้งความรู้สึก ความต้องการของตัวละคร และทำให้เราเข้าใจครอบครัวคนจนนี้ได้ พร้อมทั้งยังมีสัญญะมากมายให้ได้ตีความ เรียกได้ว่าเป็นการผสมระหว่าง หนังอาร์ตกับหนังตลาดได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากทำรายได้แล้วยังได้รางวัลออสกอร์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2019 ไปครองอีกด้วย




1.หาเรื่องที่อยากจะเล่า...

หาเรื่องราวที่เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเล่ามัน ถามใจตัวเองว่าทำไมเราถึงอยากเล่ามันให้โลกนี้รู้ มันอาจจะเป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ ในชีวิตที่เราที่มันเปลี่ยนแปลงชีวิตเราและคิดว่าคนอื่นๆ น่าจะสนใจมัน

2.สรุปเรื่องที่อยากจะเล่า...

สรุปให้ได้กับตัวเองว่า "ต้น กลาง จบ" ของเรื่องที่เราอยากจะเล่ามันมีอะไรบ้าง และมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอย่างไร

3.เลือกวิธีการที่อยากจะเล่า... เลือกวิธีการที่เราจะเล่า ตามแนวทางที่เราถนัดนั่นก็คือการเลือกGenre เลือก Plot

4.เขียนมันออกมา... เขียนมันออกมา ให้ได้มากที่สุด ปล่อยให้ตัวละครนำทางเราไป


แล้วมันจะถึงจุดนึงที่คุณอาจจะตัน หาทางไปไม่ได้ เพราะตัวละครของคุณไม่นำพา หรือคุณอาจจะสร้างตัวละครของคุณไม่น่าสนใจพอ ก็ขอให้คุณดูคลิปต่อไปที่ว่าด้วย "การออกแบบตัวละคร" ในบทความต่อไปได้เลย

768 views0 comments

Comments


bottom of page